ความประทับใจครั้งแรกที่มีความสำคัญ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เราจำเป็นต้องติดตามแนวโน้มการออกแบบโลโก้ เพื่อให้มั่นใจว่าแบรนด์ของคุณหรือแบรนด์ธุรกิจจะดูทันสมัยใหม่อยู่เสมอ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบที่ทำงานเกี่ยวกับโปรเจคหนึ่งหรือธุรกิจขนาดเล็กจนไปถึงบริษัทชั้นนำต่างมีความกระตือรือร้นที่จะควบคุมภาพลักษณ์ของบริษัท และการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์เพื่อเหมาะสมกับการใช้งานปัจจุบัน ในปี 2020 นี้แนวโน้มการออกแบบโลโก้มีอะไรบ้าง
1. การออกแบบโลโก้ภาพแบน (Flat Design Logos)
เป็นการตัดความซับซ้อนของภาพประกอบและอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวทั้งหมดออกไป หรือโลโก้จากความสมจริงที่เป็นสามมิติพื้นผิวเงาหรือการไล่ระดับสีจนไปถึงการตกแต่งอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดคือผลลัพธ์ของโลโก้สองมิติแบนเรียบ
จากตัวอย่างหลายๆ แบรนด์นำเสนอตัวอักษรแบบใหม่ที่เรียบง่าย เพื่อให้น่าจดจำและตัดทิ้งแสงวูบวาบและนูนการสะท้อนแสงออกไป
2. โลโก้เคลื่อนไหว (Animated Logos)
เป็นข้อดีมากสำหรับโลโก้เคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดีย สร้างความจดจำของผู้บริโภคและโอกาสในการเล่าเรื่องได้ดี เป็นผลให้ในปีนี้จะเห็นนักออกแบบเพิ่มลูกเล่นการเคลื่อนไหวที่ต่างออกไปจากภาพนิ่งๆ เพื่อรองรับรูปแบบวิดีโอให้มากขึ้น
3. โลโก้ที่วาดด้วยลายมือ (Hand-Drawn Logos)
เป็นโลโก้ที่มีลักษณะจากการวาดด้วยมือขึ้นมาเท่านั้น ตัวอย่างแฟชั่นเรียบหรูหราอย่าง Gucci ได้เปิดเผยโลโก้ที่เขียนลวกๆ และข้อความที่เขียนด้วยลายมือเพื่อประกาศการเปิดตัวคอลเล็กชั่น Fall-Winter 2020 Men’s Collection มันทำให้เกิดความรู้สึกขนาดตัวอักษรไม่ตรงกันและคราบหมึกซึ่งอาจดูเป็นทางเลือกที่แปลก แต่สำหรับแคมเปญที่ได้แรงบันดาลใจจากงานวันเกิดของเด็กๆ ในยุคที่แบรนด์ต้องการแสดงให้เห็นถึงความถูกต้องและความเป็นไปได้ของพวกเขาการเขียนด้วยลายมือดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ชัดเจน
4. โลโก้มินิมอล (Minimal Logos)
การออกแบบเรียบง่ายแบบมินิมอลมีมานานสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งยังเป็นที่นิยมและง่ายต่อเสนอราคาในฐานะที่เป็นศูนย์รวมภาพของ ‘Less is more’ เป็นแนวคิดที่หลีกเลี่ยงลวดลายตกแต่งและรายละเอียดที่ไม่จำเป็น นักออกแบบจะใช้อักษรย่อหนาๆ เน้นชื่อของแบรนด์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
5. โลโก้แบบหลายชั้น (Multi-Layered Logos)
อาจจะมีความคล้ายคลึกโลโก้ออกแบบแบนที่มีสีสันไม่มากนัก แต่นักออกแบบยังคงมีความรักฝังลึกซึ่งหมายความว่าเราจะเห็นองค์ประกอบที่ทับซ้อนกันมากมาย สีสดใสไฮไลท์เงาการแรเงาและการรักษาแบบกึ่งโปร่งใสทั้งหมดสามารถเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโลโก้หลายชั้น นี่คือเหตุผลที่เทมเพลตจากของ Sentavio ได้รับความนิยมอย่างมาก แล้วคุณจะเห็นว่าเทรนด์นี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้ทุกที่ตัวอย่างแบรนด์ Zara ผู้ค้าปลีกแฟชั่นเพื่อปิดช่องว่างระหว่างตัวอักษรแบบ standalone heroes หรืออย่าง Mastercard ซึ่งลบชื่อแบรนด์จากใต้วงกลมสีแดงและสีเหลืองที่ตัดกัน
6. โลโก้ข้อความที่ซ้อนกัน (Stacked Text Logos)
เป็นวิธีการออกแบบสะอาดและกะทัดรัดที่เหมาะอย่างยิ่งกับชื่อที่ยาวเกินไปการประหยัดพื้นที่สามารถใช้กับตัวอักษรแต่ละตัวในแนวนอน ตัวอย่างโลโก้ เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ แยกระหว่าง Work point ออกจากกันโดยมี entertainment คั่นตรงกลาง
7. โลโก้ชื่อย่อ (Monogram Logos)
ซึ่งจะแตกต่างกับ Stacked Text Logos ในแบ่งบรรทัด แต่สำหรับ Monogram Logos จะเป็นการออกแบบย่อตัวอักษรให้อยู่ในจุดสายตาเดียวกัน ต้วอย่างโลโก้ HP และ LG หรือโลโก้ของวงดนตรีไทยอย่าง Cocktail เองสื่อออกมาเป็นสัญลักษณ์
8. โลโก้แบบสัญลักษณ์ (Symbol Logos)
มีอำนาจและอิทธิพลแอบแฝงอย่างมาก เมื่อคุณเห็นมันจะนึกชื่อแบรนด์ได้ทั้งทีโดยไม่มีข้อความหรือตัวอักษรเลยบ่งบอกเลย ซึ่งหลายๆ ธุรกิจได้เปลี่ยนโลโก้จากแบบมีชื่อแบรนด์ประกอบเป็นสัญลักษณ์โลโก้แทน แต่การออกแบบอย่างนี้จำเป็นต้องนึกถึงผู้บริโภคเป็นอันดับแรกไม่อย่างนั้นลูกค้าของคุณก็ไม่รู้จักชื่อแบรนด์ของคุณเลย
9. โลโก้แบบไล่โทนสี (Gradient Logos)
เป็นการออกแบบโดยใช้สีสเปกตรัมที่มองเห็น, สีหนึ่งไล่ระดับจากเข้มหายไปเป็นสีขาว หรือโลโก้ไล่ระดับสีหนึ่งไปเป็นคู่สีตรงข้าม ทำให้คุณดูโลโก้ที่ดึงดูดสายตาอย่าง Instagram และ Apple Music ซึ่งมีแนวโน้มในการดึงดูดผู้คนในช่วง Millennials gen มากที่สุด ในปีนี้เราคาดว่าจะเห็นนักออกแบบที่ใช้การไล่ระดับสีมากขึ้นเพื่อเพิ่มความลึกและสร้างความรู้สึกแบบไดนามิกและ 3D ให้มีชีวิตชีวาด้วยการใช้สีพาสเทล
10. โลโก้วินเทจ (Vintage Logos)
ไม่สำคัญว่าคุณจะเติบโตมาในทศวรรษใดก็ตาม นักออกแบบต่างก็ปรารถนานึกย้อนกลับไปปีนั้นด้วยแรงบันดาลใจจากกระดานดำย้อนยุคและธุรกิจขนาดเล็กที่สื่อถึงความรู้สึกจากจุดเริ่มที่แท้จริง
ทางโรงพิมพ์ P.S. Success Printing ขอแชร์ความรู้ดีๆ และแนวโน้มเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับธุรกิจของทุกท่าน